สวัสดีสมาชิกผู้อ่านทุกท่านครับ วันนี้ผมมีบทความเกี่ยวกับดาราระดับพระเอกที่ชื่นชอบในด้านการเกษตร นั่นก็คือ คุณน้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล นั่นเอง เจ้าของฉายา “พระเอกติดดิน” ใช้ชีวิตอย่างเศรษฐกิจพอเพียง รวมไปถึงการอยู่อย่างเรียบง่ายกับครอบครัว มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ รายละเอียดจะเป็นเช่นไรนั้น ไปชมกันเลยครับ
คุณน้ำกล่าวว่า การได้ใช้ชีวิตนอกเมืองกรุง สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเลยนั่นก็คือค่าครองชีพครับ การออกมาอยู่ต่างจังหวัดนั้น รายจ่ายในแต่ละวันของครอบครัวแทบจะไม่ถึง 300 บาทเลยครับ
การได้ทำฟาร์มอยู่ที่บ้านนั้น ข้อดีก็คือได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ทำกิจกรรมร่วมกับคนที่เรารัก และยังได้ทำในสิ่งที่เราชอบอีกด้วยครับ
ผมก็ยังคงทำอาชีพนักแสดงควบคู่ไปกับทำฟาร์ม เนื่องจากรายได้จากทางนักแสดงก็ยังคงเป็นรายได้หลักของครอบครัว ส่วนการทำฟาร์มคือสิ่งที่ผมชอบก็ถือเป็นรายได้เสริมไปอีกช่องทางหนึ่งครับ
โชคดีที่ผมได้เริ่มเร็ว ฟาร์มจึงเป็นที่รู้จักกันในหมู่มาก ลูกค้าที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็มาจากการติดตามในโซเชียล และยังมีลูกค้าประจำที่แบ่งปันสายพันธุ์กันอยู่เสมอมาครับ
ส่วนของค่าใช้จ่ายของครอบครัวต่อวันก็จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 300 บาท มีน้องๆประมาณ 6 คนที่ช่วยกันดูแลฟาร์ม ก็จะใช้ชีวิตอยู่ที่ฟาร์มกัน ค่าอาหารนั้นน้องๆฏ้สามารถที่จะเบิกได้ตลอด อยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัวเดียวกันเลยครับ
การสอนให้ลูกอยู่กับธรรมชาติ ก็จะเป็นการหากิจกรรมมาให้ทำร่วมกันเรื่อยๆ ที่จะทำให้ทุกคนร่วมสนุกกันได้แบบไม่ต้องออกไปข้างนอก ซึ่งตอนเด็กๆผมก็เคยได้สัมผัสบรรยากาศการเป็นคนบ้านทุ่งมาแล้ว จึงนำวิถีชีวิตแบบนั้นมาสอนให้กับลูกๆครับ
วิถีชีวิตตอนนี้ถือว่าตัวเองเกษียณได้ตามเป้าหรือยัง?
สำหรับผมยังไม่ถึงจุดนั้นครับ ก็ยังคงจะทำงานต่อไปเรื่อยๆ เพื่อต้องสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวก่อนครับ แต่ก็มีความคิดที่จะเกษียณให้เร็วกว่าคนอื่นสัก 10 ปีอยู่ครับ
ปัจจุบันก็ยังคงรับงานแสดงอยู่ เพียงแต่ว่ารับน้อยลง โดยรับงานละครแค่ทีละเรื่อง แต่ก็ยังคงมีงานแสดงอยู่ตลอดมา และก็มีการแบ่งเวลาเข้ามาที่ฟาร์มบ้างครับ
ตอนนี้ผมมีการบริหารจัดการด้านเวลาได้สมดุลลงตัวในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงานหรือการจัดการฟาร์ม เมื่อเวลาที่ผมไม่ได้อยู่บ้าน ก็จะมีแม่ผม แม่มินตรา หรือน้องๆในฟาร์มก็จะช่วยกันมาดูแลลูกๆช่วยภรรยาผมครับ
ระหว่างเป็นพระเอกกับเกษตรกร ชอบชีวิตแบบไหนมากกว่ากัน?
คุณน้ำกล่าวว่า มีวามสุขในการทำทั้งสองอย่างนี้ การเป็นนักแสดงนั้นเราสามารถสวมได้ทุกบทบาท รู้สึกดีเวลาที่ได้เล่นละครและก็ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสอยู่เสมอมา มีละครไม่ขาดสายครับ ส่วนการทำฟาร์มนั้นก็เป็นอีกสิ่งที่ผมชื่นชอบ แถมยังได้อยู่กับครอบครัว ถือเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่มากครับ
เรียบเรียงโดย แนวทางเกษตร เกร็ดความรู้