วันอังคาร, สิงหาคม 1, 2023
หน้าแรก บล็อก

วิธีปักชำควบแน่นผักหวานป่า ให้ออกรากเร็ว เทคนิคจากเจ้าของสวนผักหวาน

0
สวัสดีสมาชิกทุกคนครับวันนี้มาพบเจอกันครั้งกับเว็บไซต์  me panya ศูนย์รวมเรื่องราวเกษตรดีๆมากมาย และมีบทความมานำเสนอผู้อ่านทุกวันเพื่อเป็นความรู้  วันนี้เรามีวิธีการปักชำควบแน่นผักหวานป่าให้ออกรากเร็วมานำเสนอครับ  เทคนิควิธีการทำวิธีนี้เป็นเทคนิคจากทาง อาจารย์  สุทัศน์ อุพลเถียร เจ้าของสวนสไบนาง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สำหรับรายละเอียดต่างๆและขั้นตอนการทำจะเป็นอย่างไรนั้นเชิญรับชมกันเลยครับ สำหรับการปักชำควบแน่นเป็นอีกหนึ่งวิธีในการขยายพันธุ์ของผักหวานป่า ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ท่านที่ปลูกผักหวานอยู่แล้วควรนำวิธีนี้ไปทดลองดู ถ้าพร้อมก็แล้วไปรับชมวิธีการทำกันเลยครับ เตรียมอุปกรณ์ 1 ดินร่วนจากโคนต้นไม้ เป็นดินที่มีความชุ่มชื้นประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ (ไม่ควรใช้ดินปลูกเนื่องจากดินปลูกนั้นมีปุ๋ย) 2 แก้วพลาสติกใส 3 ถุงพลาสติกใส ควรใช้เป็นถุงร้อนและมีขนาดพอดีกับถ้วยแก้ว ไม่ใหญ่มากไม่เล็กมากจนเกินไป 4 น้ำยาเร่งราก 5 ยางรัด และกรรไกร การเลือกกิ่งผักหวาน กิ่งผักหวานที่จะนำมาควบแน่นควรเป็นจริงที่มีลักษณะสมบูรณ์พร้อมที่จะแตกยอดใหม่ ให้มีใบอยู่ประมาณ 4-5 ยอด วิธีทำ  1 ใช้กรรไกรแต่งกิ่งผักหวานทำให้กิ่งมีความเรียบ 2 จุ่มน้ำยาเร่งรากและพักกิ่งผักหวานไว้ 3 ใส่ดินลงในถ้วยแก้วพลาสติกวิธีการใส่ให้ใส่แบบ 3 ครั้ง  ทำให้ดินในถ้วยนั้นแน่นที่สุด 4 เจาะรูในถ้วยแก้วโดยใช้ความลึกในถ้วยแก้วประมาณ 1 ส่วน 3 ของถ้วย 5 เสียบยอดผักหวานที่พักเอาไว้ลงในถ้วยแก้วจากนั้นให้กดดินให้แน่น  วิธีการเช็คให้ใช้มือสัมผัสที่บริเวณใบ 6 ครอบด้วยถุงพลาสติกและรัดด้วยหนังยาง  เสร็จขั้นตอนการทำ การดูแลรักษา หลังจากทำเสร็จแล้วให้นำไปเก็บไว้ในที่ร่มหรือเรือนเพาะชำใช้ระยะเวลาประมาณ...

เลี้ยงแหนแดงเสริมรายได้หลัก สร้างรายได้สูงสุด 45,000 บาท/เดือน

0
ทักทายเพื่อนๆเกษตรกรทุกท่านค่ะ สำหรับวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ คุณลลิตา ปราบหลอด หรือ คุณหลิน เจ้าของFarm ฟาร์มสุข ตั้งอยู่ที่  ตำบลโนนทัน อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น คุณหลิน เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเริ่มจาการเลี้ยงกุ้ง และเริ่มจากการหาอาหารให้กุ้ง เลยได้นำแหนแดงจากพี่สาวที่ทำการเลี้ยงก่อนหน้านี้นำมาให้กุ้งกินเพื่อที่จะเป็นอาหารกุ้ง แต่ด้วยแหนแดงมีลักษณะการขยายพันธ์ุค่อนข้างที่จะเร็ว ซึ่งเริ่มแรกเอามาประมาณ 1-2 กิโลกรัม ผ่านไปไม่นานก็เริ่มขยายเต็มบ่อ หลังจากนั้นเลยลองเอาไปให้คนในชุมชน เพื่อเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง เช่น ไก่ เป็ด หมู และกุ้งกินเช่นกัน ต่อจากนั้นก็เริ่มมีคนทยอยมาซื้อเรื่อยๆ โดยทำการเริ่มขายให้กับคนในชุมชนก่อน และการขยายพันธ์ุของแหนแดงค่อนข้างที่จะเร็วทำให้ปริมาณมีเยอะ เลยลองหาช่องทางการขายผ่านออนไลน์เพิ่ม เริ่มจากจุดเล็กๆที่ขายทำให้มีกำลังใจ จากผลตอบรับที่ได้ค่อนข้างที่จะดี เพราะว่าลูกค้าต่างจังหวัดที่สั่งเข้ามาก็ค่อนข้างที่จะเยอะโดยเราทำการขายจากส่วนนั้นเป็นรายได้ย่อยก่อน พอเวลาผ่านไปทำให้มีลูกค้าเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนกลายมาเป็นอาชีพหลักของฟาร์มมาจนถึงปัจจุบันนี้ ปัจจุบันที่ฟาร์มของคุณหลินมีการเลี้ยงแหนแดงทั้งหมด 3 บ่อ เริ่มแรกทำการเลี้ยงก่อน 1 บ่อ เพราะว่าบ่อนั้นจะเป็นบ่อกุ้ง พอให้กุ้งกินเป็นอาหารเลยนำมาจำหน่าย หลังจากที่ขายลูกค้าให้ความสนใจตอบโจทย์ดีเริ่มทำการขุดเพิ่มอีก 1 บ่อ เป็นบ่อที่ 2 เมื่อได้ผลตอบลัพธ์ที่ดีจากลูกค้าหลายทางทั้งช่องทางออนไลน์ คนในชุมชน และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้แหนแดงไม่พอจำหน่าย จึงต้องทำการขุดบ่อเพิ่มเป็นบ่อที่ 3 ระบบการจัดการของฟาร์มจะมีอยู่ด้วยกัน 2 อย่างที่ใช้ คือ ปุ๋ยคอกและน้ำส้มควันไม้ ส่วนการดูแลต่อวันก็ไม่ได้ยุ่งยากเลยค่ะ...

จากความชอบสู่อาชีพ การเลี้ยงนกกระทา สร้างรายได้ขั้นต่ำ ปีละ 50,000 บาท

0
ทักทายเพื่อนๆเกษตรกรทุกท่านค่ะ สำหรับวันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ คุณเมนะกา ไชยมงคล หรือ คุณบ๋อม เจ้าของฟาร์มนกกระทา เชียงใหม่ By HomemadeHome ตั้งอยู่ที่ บ้านทุ่งข้าวตอก ตำบลหนองแหย่ง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ คุณบ๋อม เล่าให้ฟังว่า แรกเริ่มเดิมทีเคยทำงานเป็นวิศวกรโยธา คุมงานก่อสร้างอยู่กรุงเทพฯเป็นระยะเวลาประมาณ 10 กว่าปี ซึ่งที่บ้านคุณตาได้อาศัยอยู่คนเดียว จากนั้นก็เลยตัดสินใจกลับบ้าน เพื่อกลับมาดูแลคุณตา และตอนนั้นอยากทำงานที่มีเวลาว่างเพิ่มขึ้นจึงได้ทำงานเป็นฟรีแลนซ์ หลังจากนั้นจึงได้มารู้จักกับนกกระทาจากเพื่อนที่เลี้ยงอยู่ลำปาง เพื่อนก็เลยแนะนำว่าสามารถสร้างเป็นรายได้ค่อนข้างที่จะดี เลยได้ทำการศึกษาหาข้อมูลดูก่อน แล้วทำการทดลองเลี้ยง 100 ตัว ลงทุนครั้งแรกรวมค่าอุปกรณ์และซื้อพันธ์ุมาเลี้ยงประมาณ 4,000 บาท ส่วนพื้นที่อาคารโรงเรือนจะทำกันเอง พอเริ่มทดลองเลี้ยงแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองชอบ เพราะว่าโดยพื้นฐานที่บ้านทำการเกษตรกรอยู่แล้ว ทำให้มีความชอบโดยพื้นฐานในด้านนี้ด้วย พอเริ่มเลี้ยงนกกระทาผลลัพธ์ที่ได้ก็ตอบโจทย์ดีสามารถสร้างรายได้ จากนั้นจึงทำการเลี้ยงและซื้อมาเลี้ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันนี้ รูปแบบการเลี้ยงนกกระทาที่ฟาร์ม จะเป็นการเลี้ยงแบบกึ่งเปิดกึ่งปิด เพราะว่าในช่วงหน้าร้อนจะทำการเปิดเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี พอช่วงหน้าหนาวก็จะเอาผ้าใบลงมาเพื่อกั้นลมหนาว ส่วนพื้นที่ของฟาร์มมีทั้งหมดประมาร 1 งาน ซึ่งจะแบ่งเป็นส่วนของนกกระทาประมาณ 80 ตารางเมตร พื้นที่เหลือก็จะปลูกผัก เลี้ยงปลาและไก่ สำหรับสายพันธ์ุนกกระทาที่ฟาร์มเลี้ยง จะเป็นสายพันธ์ุญี่ปุ่นมีประมาณ 3,000 - 4,000 ตัว ซึ่งจะมีนกกระทาทั้งหมดประมาณ 120 กรง ระบบการจัดการที่ฟาร์ม...

ปลูกผักพายน้อยจากเมล็ด สร้างงานทำเงินให้เกษตรกร

0
ทักทายสมาชิกผู้ทำเกษตรทุกๆท่านด้วยค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ me-panya.com ศูนย์รวมบทความสาระความรู้ต่างๆเกี่ยวกับเกษตรทั่วทุกด้าน แน่นอนว่ามาพบกับเรา ก็ต้องมีความรู้มาเผยแพร่ให้เพื่อนๆกันแน่นอน เรื่องที่เรายกมานำเสนอในวันนี้ เป็นการปลูกผักพายน้อยจากเมล็ด จะช่วยประหยัดต้นทุนในการซื้อพันธ์ุผักพาย  ซึ่งการซื้อเมล็ดพันธ์ุผักพายจะได้จำนวนที่มาก และการปลูกร่วมกับนาข้าว ไม่จำเป็นต้องหาวัสดุมาบังแสงให้ด้วย จะมีวิธีการทำอย่างไรนั้น เราไปรับชมกันเลยค่ะ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม 1.เมล็ดพันธ์ุผักพาย 2.แก้วน้ำ สำหรับแช่เมล็ด 3.ทราย 1 กก. 4.น้ำเปล่า วิธีการทำ 1.นำเมล็ดผักพายไปแช่น้ำ 1 คืน  เมล็ดผักพายที่สมบูรณ์ก็จะจ่มน้ำอยู่บริเวณก้นแก้ว 2.จากนั้นนำเมล็ดผักพายที่แช่น้ำไว้แล้ว 1 คืน มาคลุกกับทราย เหตุผลที่เราเมล็ดผักพายมาคลุกกับทราย เพราะว่าเป็นเมล็ดที่เล็กซึ่งไม่สามารถหว่านให้กระจายตัวได้ดี จึงนำมาคลุกกับทรายเพื่อเวลานำไปหว่านจะสามารถกระจายตัวได้ดี 3.เมื่อเราคลุกเมล็ดผักพายเข้ากับทรายแล้ว ก็สามารถที่จะนำไปหว่านในนาข้าวได้เลย ซึ่งการหว่านในนาข้าวสามารถที่จะหว่านได้ทั้งในนาหว่านและนาดำ สำหรับวันนนี้เราจะนำมาหว่านในนาดำ ทำการหว่านในนาที่มีระดับน้ำ 10 - 15 ซม. ขึ้นไป  ถ้าไปหว่านบนเนินหรือที่น้ำไม่ท่วมขังผักพายจะไม่งอก จากนั้นเราก็ทำการหว่านให้กระจายตัวได้เลย การดูแลรักษา หลังจากที่เราทำหว่านเสร็จแล้ว ผักพายจะเป็นผักที่เกิดในน้ำ ระดับน้ำที่เกิดได้ดีคือ 10 - 15 ซม. สิ่งที่เราต้องดูแลเป็นพิเศษควรรักษาระดับน้ำในนาข้าว เมื่อทำการหว่านไปแล้วระยะเวลาในการงอกของผักพายจะอยู่ที่ประมาณ 7 - 10 วัน ช่วงที่ผักพายจะออกใบจริงประมาณ 30 วัน จากนั้นเมื่ออายุครบ 45 - 60 วัน เราก็สามารถเก็บผักพายไปรับประทานได้ ซึ่งขนาดของลำต้นจะขึ้นอยู่กับปุ๋ยที่มีอยู่หรือสารอาหารที่มีอยู่ในนาข้าว การปลูกผักพายจะอาศัยปุ๋ยหมัก...

กำจัดมดต ายเรียบ ด้วยน้ำมันพืชเก่า ปลอดภัยได้ผลดี

0
สวัสดีสมาชิกแฟนเพจแนวทางเกษตร เกร็ดความรู้ ศูนย์รวมความรู้ด้านการเกษตร เนื้อหาที่คัดสรรมาล้วนแต่ได้รับการเรียบเรียงข้อมูลมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง โดยความรู้ที่เรานำมาฝากในวันนี้เป็นเทคนิคการกำจัดมด จากน้ำมันพืชเก่าที่ใช้งานแล้ว สำหรับการทำสวนการทำเกษตรต่างๆ ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่เราพบเจออยู่บ่อยๆ จะมีมดคันไฟค่อนข้างที่จะเยอะ เพราะมดคันไฟสามารถเป็นศัตรูพืชทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ โดยเฉพาะเวลาที่เราปลูกพริกหรือปลูกมะเชือ มดคันไฟจะกัดทั้งรากอ่อนและยอด อีกอย่างยังเป็นพาหะทางอ้อมสามารถที่จะนำเพลี้ยต่างๆ เข้าไปสู่พืชผักของเราได้ ดังนั้น เราจึงหาวิธีที่จะกำจัดมดคันไฟออกจากสวนได้ด้วยวิธีง่ายๆ จะมีรายละเอียดและวิธีการทำอย่างไรนั้น เราไปรับชมกันเลยค่ะ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม 1.น้ำมันพืชเก่าที่เราใช้งานแล้ว 2.ขวดน้ำ ขนาดเล็ก วิธีการทำ 1.นำน้ำพืชที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในขวดพลาสติกขวดละ  3 ช้อนแกง (ถ้าเกิดมีน้ำมันพืชในปริมาณที่เยอะก็สามารถใช้ขวดขนาดใหญ่ และเพิ่มปริมาณให้มากขึ้นได้เช่นกันค่ะ) วิธีการนำไปใช้งาน การนำไปใช้งาน จะนำขวดน้ำมันไปวางในแนวนอน เพื่อที่จะให้มดเข้าได้ง่าย ถ้าเกิดมีปริมาณมดที่เยอะเราก็วางขวด 2-3 ขวด ก็ได้เช่นกัน หลังจากที่เราวางขวดน้ำมันไว้แล้วประมาณ 1 ชม. บริเวณนั้น มดก็จะได้กลิ่นแล้วเข้าไปกินน้ำมันพืช แล้วตายไปเอง หลังจากใช้งาน การเก็บไว้ใช้งาน การใช้น้ำมันพืช เพื่อที่จะกำจัดมดเราสามารถที่จะใส่ขวดไว้ได้จนกว่าน้ำมันพืชจะแห้งแล้วค่อยทำการเติมน้ำมันพืชใหม่ และสามารถอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน การใช้น้ำมันพืชเก่าเพื่อกำจัดมดคันไฟ จะมีข้อสังเกตอยู่ 2 อย่าง โดยจะสังเกตจากน้ำมันพืชเก่าที่ใส่ลงไป ถ้าเกิดน้ำมันพืชหมดหรือแห้งควรที่จะเต็มใหม่ ถ้าน้ำมันพืชไม่แห้งสังเกตมดคันไฟบริเวณรอบๆ ที่เราวางน้ำมันพืช ให้ทำการย้ายขวดน้ำมันพืชไปอีกที่ประมาณ 5 เมตร สำหรับเทคนิคนี้สามารถที่จะกำจัดมดคันไฟ มดอย่างอื่นได้เป็นอย่างดีค่ะ การกำจัดมดด้วยน้ำมันพืชเก่า สำหรับเพื่อนๆเกษตรกรท่านใดที่ท่านมีปัญหาเรื่องมดคันไฟ หรือไม่ได้ทำสวนแต่ในบริเวณบ้านมีมดคันไฟ ต้องการที่จะกำจัดท่านก็สามารถที่จะใช้น้ำมันพืชเก่าใส่ในขวด แล้วไปวางล่อและกำจัดมดคันไฟได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ประหยัด ปลอดภัยและสามารถทำได้ง่ายด้วยค่ะ...

วิศวกรปลูกเห็ดเสริมรายได้หลัก สร้างรายได้สูงสุดเดือนละ 100,000 บาท

0
ยินดีต้อนรับเพื่อนๆเกษตรกรทุกคนนะคะ สวัสดีทั้งสมาชิกเก่าและใหม่ค่ะ สำหรับวันนี้เราจะพาเพื่อนไปทำความรู้จักกับ คุณอาทิตย์ เอกชัย หรือ คุณดิว เจ้าของบ้านเห็ด Aekkachai ตั้งอยู่ที่ 89 หมู่ 5 ตำบลกุดทอง อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม คุณดิว เล่าให้ฟังว่า ช่วงแรกคุณแม่ได้ไปอบรมการทำเห็ดมา เลยได้มาสานต่อธุรกิจของแม่ ซึ่งช่วงแรกจะซื้อก้อนเห็ดมาผลิตก้อนและเปิดดอกขายเอง หลังจากที่เปิดดอกขายรู้สึกว่ารายได้ค่อนข้างที่จะดี ถ้าเรานำมาประกอบเป็นธุรกิจครอบครัว  จากนั้นคุณดิวจึงได้เข้ามาสานต่อช่วยในเรื่องช่องทางการตลาดและการขายของที่บ้าน จากที่ไม่มีออเดอร์สั่งเข้ามาก็เริ่มมีออเดอร์ลูกค้าสั่งเข้ามาเรื่อยๆประมาณเดือนละ 1,000-2,000 ก้อน จนปัจจุบันมีลูกค้าสั่งก้อนเห็ดเข้ามาเกือบ 10,000 ก้อน ซึ่งที่ฟาร์มเห็ดของคุณดิวจะรับออเดอร์ประมาณเดือนละ 10,000 ก้อน ปัจจุบันก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดี กลายเป็นธุรกิจหลักของครอบครัว สามารถเลี้ยงครอบครัวและญาติพี่น้องได้ ปัจจุบันที่ฟาร์มทำเห็ดก้อนทั้งหมด 5 ชนิด เช่น เห็ดขอนดำ เห็ดขอนขาว เห็ดนางฟ้าภูฐาน และเห็ดเป๋าฮื้อ สำหรับการตลาดส่วนมากจะขายผ่านช่องทางออนไลน์ และมีการบอกปากต่อปากของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันที่ฟาร์มจะรับออเดอร์ประมาณ 10,000 ก้อน และจะมีออเดอร์ทุกเดือนจากการพรีออเดอร์ของลูกค้า  เพราะว่ากำลังผลิตสามารถผลิตได้ 10,000 ต่อเดือน หรือไม่เกิน 15,000 ก้อน รูปแบบการขายและช่องทางการสร้างรายได้ของฟาร์มจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ช่องทาง คือ 1.ผลิตก้อนเห็ดขายก้อนละ 8...

อดีตเจ้าของสวนมะม่วง ผันตัวมาปลูกฝรั่งกิมจู สร้างรายได้ 50,000 บาท/เดือน

0
ทักทายเพื่อนๆทุกคนนะคะ สำหรับวันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ คุณทองคำ ชัยรัต หรือแม่ริน เจ้าของสวนฝรั่งแม่ริน บึงฉิมขอนแก่น ตั้งอยู่ที่ บ้านบึงฉม ตำบลบึงเนียม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น แม่ริน เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนทำสวนปลูกมะม่วง ลำไย แต่ผลผลิตที่ได้ไม่ต่อเนื่องตรงตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ช่วงนั้นเห็นคนอื่นปลูกฝรั่งเลยได้นำมาทดลองปลูกที่สวน ซึ่งผลผลผลิตที่ได้ค่อนข้างที่จะดีช่วยให้มีผลผลิตขายอยู่ตลอดทั้งปี และผลที่ได้ก็ตอบโจทย์ดีกว่าผลไม้อย่างอื่น จากนั้นจึงได้ทำการปลูกฝรั่งเต็มพื้นที่สวน เริ่มจากปลูกประมาณ 250 ต้น หลังจากนั้นก็ได้ขยายพื้นที่เพิ่มเติมจนถึงปัจจุบันนี้ โดยพื้นที่ 6 ไร่มีการปลูกฝรั่งอยู่ 800 ต้น แบ่งออกเป็น 6 รุ่น เป็นระยะเวลา 20 ปีแล้วที่ทำการปลูกฝรั่งมา ส่วนการดูแลภายในสวนฝรั่งจะให้น้ำสม่ำเสมอ และบำรุงปุ๋ยน้ำหมักอยู่เป็นประจำ และทำการตัดแต่งกิ่ง เพื่อที่จะช่วยติดดอกออกผลทั้งปี ซึ่งจะทำให้เรามีรายได้ต่อเนื่องด้วย ทำการเก็บผลผลิต 3 ครั้ง/สัปดาห์ คือ วันอาทิตย์ จันทร์ และศุกร์ สำหรับเทคนิคที่ช่วยให้มีฝรั่งขายทุกเดือนของแม่ริน จะทำการตัดแต่งกิ่ง ยิ่งเราตัดยิ่งออกยอด และออกดอก จากนั้นก็จะทำการห่อลูกฝรั่งทุกวัน ซึ่งจะช่วยให้เรามีผลผลิตออกตลาดอยู่เป็นประจำโดยต่อเนื่อง ส่วนเทคนิคการของสวนแม่รินจะห่อ 2 ชั้น ใช้ถุงขาวขุ่นห่อด้านในแล้วห่อด้วยกระดาษกันยูวีด้านนอก 2 ชั้น เพื่อให้ลูกฝรั่งขาว ตลาดที่นำไปจำหน่าย...

ปุ๋ยหมักคอนโดเปลี่ยนเศษใบไม้ ให้กลายเป็นดินปุ๋ย คุณภาพดีเยี่ยม

0
ยินดีต้อนรับสมาชิกทุกท่านเข้าสู่เว็บไซต์ me-panya ศูนย์รวมความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวเกษตรจากภูมิปัญญาชาวบ้าน วันนี้จะไปทุกท่านไปชมวิธีทำปุ๋ยหมักคอนโดเปลี่ยนเศษใบไม้ ให้กลายเป็นดินปุ๋ย คุณภาพดีเยี่ยม โดยเป็นการนำวัสดุเหลือใช้ เช่น ใบไม้ เศษหญ้า หรือเศษที่เป็นอินทรีย์วัตถุนำมาหมักเป็นชั้นๆ เพื่อทำให้เกิดการย่อยสลายแล้วนำไปใช้กับพืชผักและต้นไม้  ให้มีปุ๋ยใช้ตลอดทั้งปี ซึ่งปุ๋ยหมักสูตรนี้จะช่วยให้ต้นพืชมีการเจริญเติบโตได้ดี ช่วยลดต้นทุในการซื้อปุ๋ย อีกทั้งยังช่วยกำจัดขยะเหลือใช้จากครัวเรือนสามารถนำมาหมัก ทำให้เกิดเป็นปุ๋ยชีวภาพที่มีประสิทธิภาพสูง จะมีรายละเอียดอย่างไรนั้น เราไปรับชมกันเลย อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม 1.บ่อปูนซีเมนต์ขนาด 80 ซม. 2.อิฐบล็อก 3 ก้อน 3.สังกะสี สำหรับล้อมวงบ่อ (ถ้าไม่มีสังกะสีสามารถใช้กระสอบแทนได้เช่นกัน) 4.หลักไม้ 5.แทงไม้ไผ่ 6.น้ำเปล่า 7.ปุ๋ยคอก 8.เศษวัตถุอินทรีย์  เช่น ใบไม้แห้ง เศษหญ้า เป็นต้น 9.บัวรดน้ำ 10.แก้ว สำหรับตวง 11.จุลินทรีย์หน่อกล้วย (ถ้าไม่มีจุลินทรีย์หน่อกล้วย สามารถใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง จุลินทรีย์จาวปลวก และจุลินทรีย์น้ำซาวข้าวแทนได้) เพื่อช่วยกระตุ้นให้ปุ๋ยมีการย่อยสลายที่เร็ว วิธีการทำ 1.นำอิฐบล็อกมาวาง โดยการตั้งอิฐบล็อกขึ้นเพื่อทำเป็นฐานของวงบ่อ 2.จากนั้นนำบ่อปูนซีเมนต์มาตั้งบนอิฐบล็อก 3.เมื่อวางวงบ่อเสร็จเรียบร้อย ใช้สังกะสีมาล้อมรอบบ่อปูนซีเมนต์ 4.หลังจากนั้นนำหลักไม้มาตอก เพื่อไม่ให้สังกะสีล้ม 5.เมื่อเราเตรียมวงบ่อเสร็จแล้ว ต่อไปจะมาทำการเตรียมส่วนที่เป็นน้ำหมัก โดยใส่จุลินทรีย์หน่อกล้วยประมาณ 2 แก้ว ซึ่งจุลินทรีย์หน่อกล้วยจะช่วยการย่อยสลายได้เป็นอย่างดี 6.จากนั้นนำอินทรีย์วัตถุมาทำการหมักเป็นชั้นๆ ความหนาประมาณ 30 ซม. ส่วนหลักกลางที่เราใช้จะเป็นไม้ไผ่ จะใช้สำหรับเติมน้ำในช่วงที่ปุ๋ยหมักแห้ง ก็สามารถดึงหลักกลางออกแล้วทำการเติมน้ำลงไปในรูได้เลย 7.ทำการโรยด้วยปุ๋ยคอกให้ทั่วบริเวณใบไผ่ 8.หลังจากนั้นก็ทำการราดรดด้วยน้ำหมักจุลินทรีย์หน่อกล้วย 9.เมื่อเราทำเสร็จในชั้นที่ 1 ต่อไปก็จะทำในลักษณะแบบเดียวกันเป็นชั้นๆ จนกว่าอินทรีย์วัตถุจะเต็มวงบ่อ การดูแลรักษา สำหรับการดูแลรักษาควรที่จะเติมน้ำ เพื่อที่จะรักษาความชุ่มชื้นให้ปุ๋ยเกิดกระบวนการหมักที่ดี เมื่อเกิดการย่อยสลายแล้วปุ๋ยก็จะยุบตัวลงไปส่วนที่อยู่ด้านล่างก็จะกลายเป็นปุ๋ย จากนั้นเราก็สามารถเติมอินได้เรื่อยๆ อย่างเช่น เศษหญ้า ใบไม้ หรือเศษอาหารที่เหลือกินเหลือใช้ในครัวเรือน และสิ่งที่ไม่ควรที่จะนำมาเติม คือ...

น้ำหมักข่าแก่ กำจัดแมลงศัตรู ป้องกันโรคพืช ปลอดภัย

0
สวัสดีเพื่อนๆสมาชิกแฟนเพจทุกท่านค่ะ ทักทายสมาชิกเก่าทุกท่านและขอต้อนรับสมาชิกใหม่กันด้วยนะคะ ในวันนี้เรามีสาระ เกร็ดความรู้มาฝากกันอีกเช่นเคย เป็นวิธีเทคนิคการทำน้ำหมักข่าแก่ เพื่อป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืชต่างๆ เป็นการนำเอาสมุนไพรที่มีอยู่ใกล้ตัวมาใช้ประโยชน์มากที่สุด โดยจะดึงเอาคุณสมบัติของข่าแก่มาใช้งานในเรื่องของการป้องกันโรค ป้องกันแมลง สำหรับพืชผักที่เราปลูกไว้รับประทานเอง เพื่อเป็นการลดต้นทุนในเรื่องของการทำการเกษตร ทั้งยังมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย จะมีวิธีการทำอย่างไรนั้น เราไปรับชมกันเลยค่ะ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม 1.หัวข่าแก่ 500 กรัม 2.จุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ช้อนแกง (สามารถใช้จุนทรีย์ทุกชนิดที่มีอยู่ เช่น จุลินทรีย์ EM  จุลินทรีย์เปลือกสัปปะรด จุลินทรีย์น้ำมะพร้าว หรือสารเร่งซุปเปอร์ พด.7 เป็นต้น) 3.กากน้ำตาล  1 ช้อนแกง 4.ไม้ สำหรับทุบข่า 5.ช้อนแกง สำหรับตวง 6.ภาชนะหมักพร้อมฝาปิด 7.น้ำสะอาด วิธีการทำ 1.นำหัวข่ามาทุบให้แตก การทุบจะช่วยให้น้ำมันหอมระเหยออกมาได้ดีและเร็วขึ้น 2.หลังจากที่เราทุบหัวข่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำไปใส่ในภาชนะหมักได้เลย 3.จากนั้นเติมน้ำสะอาดลงไปแค่พอท่วม 4.เติมกากน้ำตาลลงไป 1 ช้อนแกง เพื่อใช้ในการป้องกันการบูดเน่าและเป็นอาหารของจุลินทรีย์ 5.หลังจากนั้นเติมหัวเชื้อจุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ช้อนแกง 6.เมื่อใส่ส่วนผสมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำฝามาปิดภาชนะหมักได้เลย ถือว่าเสร็จวิธีการทำ การเก็บรักษา หลังจากที่เราทำเสร็จแล้ว ก็จะนำไปเก็บไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้ดี ระยะเวลาที่ใช้ในการหมักประมาณ 15 วัน จากนั้นเราก็สามารที่จะนำไปใช้งานได้เลย ตัวอย่าง น้ำหมักข่าแก่ที่พร้อมใช้งาน การนำไปใช้งาน สำหรับวิธีการนำไปใช้งานน้ำหมักข่าแก่ จะกรองเฉพาะเอาส่วนที่เป็นน้ำผสมน้ำใช้ในการฉีดพ่นพืชผัก เพื่อเป็นการป้องกันโรคและแมลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับผักที่เราปลูก อัตราส่วนการใช้งานน้ำหมักข่าแก่ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ทำการฉีดพ่นทุก 7 วัน ซึ่งช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมจะเป็นช่วงเย็น...

ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ สร้างรายได้เสริม 60000 ต่อเดือน

0
ทักทายเพื่อนๆทุกคนค่ะ สำหรับวันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ คุณทัฬห์ชญานี ลำพูนพงษ์ หรือ คุณแคน เจ้าของฟาร์ม Apinun Farm ตั้งอยู่ที่ จังหวัดลำพูน คุณแคน เล่าให้ฟังว่า ฟาร์มผักไฮโดรโพนิกพี่ของคุณแคนได้ทำมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แต่พอตัวเองได้เรียนจบการศึกษาเลยมีโอกาสได้เข้ามาช่วยงานที่ฟาร์ม พอทำไปได้สักระยะหนึ่งรู้สึกมีความชอบและมีความสนุกในการทำงานนี้ เลยได้ทำมาเรื่อยๆ จนมาเป็น Apinun Farm มาจนถึงทุกวันนี้เข้าสู่ปีที่ 9 แล้ว ส่วนคุณแคนได้เข้ามาช่วยบริหารการจัดการที่ฟาร์มเป็นระยะเวลา 5 ปีแล้วค่ะ ปัจจุบันที่ฟาร์มปลูกผักทั้งหมด 50 โต๊ะ โดยทำการปลูกที่บ้าน 20 โต๊ะ และที่สวนมีอยู่ประมาณ 30 โต๊ะ ซึ่งหลักๆที่ฟาร์มจะปลูกเป็นผักสลัด กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค คอส เบบี้คอส ฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก บัตเตอร์เฮด เรดคอรัล กรีนโบว์ และผักขึ้นช่าย รายได้ต่อเดือนเฉลี่ยประมาณ 50,000-60,000 บาท เป็นรายได้ที่ได้จากการขายผักขึ้นช่ายและผักสลัด ส่วนมากจะเป็นผักขึ้นช่ายที่ขายได้ดีเพราะว่ามีแม่คนกลางมารับเองที่ฟาร์ม ส่วนผักสลัดจะเป็นลูกค้ารายย่อยมารับ ซึ่งจะปลูกผักสลัดให้กับร้านค้าที่ต้องการด้วยค่ะ รูปแบบการทำการตลาดจะมีผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook  Instagram ถ้าเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ขายส่งจะมารับที่ฟาร์ม และมีการขนส่งต่างจังหวัดด้วยค่ะแต่ไม่ค่อยเยอะ ส่วนใหญ่จะขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าคนกลางเป็นส่วนมาก แต่ถ้านำส่งลงกรุงเทพฯ จะเป็นผักสลัด ข้อดีของการทำฟาร์มผักไฮโดรโพนิค คุณแคน บอกว่า...

Email

toppingjohn11 [a] gmail.com

Latest article