เลี้ยงปลาหมอชุมพร 2-3 ตัว/กก. ต้นทุนต่ำ กำไรงาม กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค – แนวทางเกษตรเกร็ดความรู้

ทักทายสมาชิกแฟนเพจทุกท่านครับ วันนี้ผมมีเรื่องราวดีๆมานำเสนอให้สมาชิกทุกท่านได้ชมกัน เป็นเรื่องราวของคุณวีระชัย ศรีสด เจ้าของวีระฟาร์ม บ้านโดนแดง ต.ยาว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เลี้ยงปลาหมอชุมพรสร้างรายได้ เรื่องราวจะเป็นเช่นไรบ้าง เชิญชมได้เลยครับ

คุณวีระชัย เคยมีพื้นที่ทำนามากถึง 100 ไร่ แต่กลับไม่ได้ใช้ประโยชน์เนื่องจากขาดแคลนน้ำ ลองทำเกษตรมาหลากหลายชนิด แต่ยิ่งทำ ยิ่งขาดทุน ทำให้มีหนี้สิน จึงตัดสินใจมาเพาะพันธุ์ปลาขาย โดยได้พันธุ์ปลาหมอชุมพรมาจากประมงจังหวัดอุบลราชธานี เนื่องด้วยสายพันธุ์ปลาหมอชุมพรนั้นเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นปลาที่ได้รับความนิยมมาก จึงเป็นที่มาของอาชีพเพาะพันธุ์ปลาหมอชุมพร

น้ำ ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากในการเลี้ยงปลา แต่เนื่องด้วยพื้นที่ขาดแคลนเรื่องน้ำ จึงแก้ไขปัญหาโดยการสูบน้ำจากใต้ดินขึ้นมาเก็บไว้ในบ่อที่ขุดไว้นั่นเองครับ

ขั้นตอนการเพาะปลา

1.หลังจากลูกปลาออกจากไข่แล้ว จะเพาะ-ปักในบ่อซีเมนต์ก่อน 3 วัน (อัตราการรอด 70-80%)

2.ย้ายลงไปเลี้ยงในบ่อดิน

สายพันธุ์ปลาที่เพาะพันธุ์ขายมากที่สุด คือ ปลาดุกรัสเซีย ปลาดุกบิ๊กอุย ปลานิลแปลงเพศ ปลาหมอแปลงเพศ และปลาตะเพียน หลังจากอนุบาลปลาแต่ละสายพันธุ์แล้ว ก็จะนำมาคัดแยกขนาดที่เป็นที่ต้องการของลูกค้า

การแปลงเพศปลา

วิธีการแปลงเพศคือให้ปลากินฮอร์โมนเพศตามที่ต้องการ จะช่วยให้ปลานั้นมีขนาดใหญ่ มีน้ำหนักเยอะและมีเนื้อค่อนข้างแน่น ปลาหมอนั้นจะแปลงจากเพศผู้เป็นเพศเทีย ส่วนปลานิลก็จะแปลงจากเพศเมียเป็นเพศผู้นั่นเองครับ

จุดเด่นของฟาร์ม

จะมีการคัดสายพันธุ์พ่อแม่ที่แข็งแรง สมบูรณ์ และมีการเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยการนำมาผสมไขว้ เพื่อให้ลูกปลาแข็งแรง เนื้อแน่น เจริญเติบโตได้เร็ว

จุดเด่นอีกข้อคือทางฟาร์มมีลูกปลาทุกสายพันธุ์ไว้สำหรับจำหน่ายตลอดทั้งปี และยังมีการแถมลูกปลาให้ลูกค้าทุกครั้งที่มีการซื้อขาย

รูปแบบการตลาดนั้น ปลาแต่ละชนิดจะได้รับความนิยมไม่เหมือนกัน ซึ่งมีปัจจัยที่แตะต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา สภาวะทางธรรมชาติ หรือขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละช่วงเวลา

การให้อาหาร

เริ่มแรกจะให้เป็นไรแดงร่วมกับไข่แดง แต่ต้นทุนค่อนข้างสูง จึงผลิตไรแดงเองในบ่อดิน ให้ไรแดงร่วมกับปลาป่นผสมกับรำ อัตราส่วน 1:1 สามารถให้อาหารปลาได้ทุกช่วงอายุ

กลุ่มลูกค้าหลักๆจะมีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจะเป็นคนที่ทำอาชีพเลี้ยงปลาขาย ส่วนอีกกลุ่มเป็นหน่วยงานที่มาซื้อลูกปลาไปแจกจ่ายชาวบ้านหรือซื้อไปปล่อยทำบุญ รายได้เฉลี่ยของฟาร์มอยู่ที่ 200,000-300,000 บาทต่อเดือน

เขียนโดย แนวทางเกษตร เกร็ดความรู้

Visited 41 times, 1 visit(s) today

เรื่องราวเพิ่มเติม

ปลูกผักพายน้อยจากเมล็ด สร้างงานทำเงินให้เกษตรกร – แนวทางเกษตรเกร็ดความรู้

ทักทายสมาชิกผู้ …

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *