วิธีการเก็บเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความจำเป็นที่เราต้องเรียนรู้ไว้ ในฐานะที่เป็นประเทศเกษตรกรรม หากสังเกตดีๆ เมล็ดพันธุ์ที่เราซื้อมาจากร้านค้าเมื่อปลูกแล้ว เราไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ได้ เนื่องจากเมล็ดพันธุ์แท้หรือพันธุ์พื้นเมืองเริ่มหายไป ทดแทนโดยเมล็ดพันธุ์ที่ได้ถูกทำการปรับแต่งพันธุกรรมแล้ว เริ่มเรียนรู้กันดีกว่า ว่าพืชผักตะกูลต่าง ๆ มีวิธีการเก็บเมล็ดพันธุ์อย่างไร
ตัวอย่าง เม ล็ด พันธุ์
ตะกูลแตง เช่น ฟักทอง ฟัก แตงกวา บวบต่างๆ
การเก็บเกี่ยว เก็บผลแก่ที่มีขนาดใหญ่ และมีสีเหลือง
การทำความสะอาด ผ่าผลตามยาว ใช้ช้อนตักเมล็ดออกมาหมักไว้ 1 คืน ล้างเมล็ดให้สะอาดแล้ว
ตากแดด 1 แดด จากนั้นนำมาผึ่งในร่ม 2 วัน จึงเก็บได้
พริก เช่น พริกขึ้หนู พริกสด พริกหยวก พริกหอม พริกกระเหรี่ยง
การเก็บเกี่ยว เก็บผลที่แก่สีแดงจัด เก็บเกี่ยวผลทั้งขั้วบ่มในที่ร่ม 3 – 5 วัน
การทำความสะอาด ผ่าเปลือกออกให้เหลือเฉพาะแกนผลแกะเอาเมล็ดไปตากแดด 3 – 4 แดด
ผักตะกูลกระหล่ำ เช่น คะน้า ผักกาดขาว กวางตุ้ง กะหล่ำปลี กระหล่ำดอก
การเก็บเกี่ยว สังเกตว่าผักเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน เมล็ดสีดำ เก็บเกี่ยวโดยตัดทั้งต้นมัดรวม 2 – 3 ต้นต่อมัด
การทำความสะอาด แขวนตากแดดปมกลางแจ้ง 7 – 10 วัน เคาะเอาเมล็ดและทำความสะอาด
ข้าวโพด
การเก็บเกี่ยว เลือกฝักที่ 2 หรือ 3 ของต้น หรือฝักที่อยู่บริเวณกลางๆ ปล่อยให้ฝักแก่และแห้งคาต้นจึงเก็บฝัก
การทำความสะอาด แขวนฝักข้าวโพดทั้งเปลือก ตากแดด 2 วัน จากนั้นแกะเมล็ดออกจากฝัก นำไปฝัดเพื่อทำความสะอาด
มะเขือ เช่น มะเขือเปราะ มะเขือยาว มะเขือพวง ฯลฯ
การเก็บเกี่ยว เลือกเก็บผลสุกมาก ซึ่งจะมีสีน้ำตาล บ่มในร่ม 3 วัน เพื่อให้เมล็ดแก่เต็มที่
การทำความสะอาด หั่นส่วนปลายออก แล้วทุบให้เมล็ดแตกออกมา นำเมล็ดหมักไว้ 1 คืน จากนั้นจึงนำไปตากแดด 2 – 3 แดด
การตากเมล็ดพันธุ์
การตากคือการทำให้เมล็ดแห้งซึ่งมีความจำเป็นมากต่อเมล็ดพันธุ์ เพราะเมล็ดพืชมีชีวิต หากมีความชื้นมากก็จะทำให้เมล็ดขึ้นราได้ง่ายและอ่อนแอต่อแมลงศัตรูพืช การตากแดดจึงช่วยลดความชื้นที่มีอยู่ในเมล็ดให้เหลืออยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการมีชีวิตแต่ไม่สามารถงอกได้ ซึ่งทำได้ดังนี้
1. ปูกระดาษ หรือแผ่นพลาสติกตรงบริเวณที่มีแสงแดดส่องตลอดวัน
2. เขี่ยเมล็ดพันธุ์กลับไปมา วันละ 2 – 3 วัน
3. เมื่อถึงตอนเย็น ควรเก็บเข้าร่มเพื่อป้องกันน้ำค้างลง
4. เมื่อเมล็ดแห้งดี จึงเก็บบรรจุใส่ในภาชนะ
การป้องกันแมลงทำลาย ก่อนการบรรจุ
เมล็ดถั่วต่างๆ
แบบที่ 1 ถั่วเขียว 1 กิโลกรัม ใช้เมล็ดละหุ่งบด 40 กรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
แบบที่ 2 น้ำมันพืช 2 ช้อนชา ต่อเมล็ดถั่ว 1 กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
เมล็ดพันธุ์พืชทั่วไป
แบบที่ 1 ใบยี่โถหั่นฝอยอบแห้ง 40 กรัม ต่อเมล็ดพืช 1 กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
แบบที่ 2 ขมิ้นชันป่น 50 กรัม ต่อเมล็ด 1 กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
แบบที่ 3 ปูนขาว 50 กรัม ต่อเมล็ดพืช 1 กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
การเก็บรักษา
ประเทศเรามีสภาพอากาศร้อนชื้น ทำให้เมล็ดพันธุ์สูญเสียการงอกอย่างรวดเร็วหลังเก็บเกี่ยว หากต้องการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ได้นานๆ จึงควรให้ความสำคัญต่อปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1.สภาพเมล็ดก่อนการจัดเก็บ เมล็ดที่แก่จัดและมีความสมบูรณ์จะเก็บได้นานกว่าเมล็ดที่ได้รับความเสียหายจากเครื่องจักร
2. ความชื้นของเมล็ด และความชื้นของสภาพอากาศ ถ้าเมล็ดแห้งและอากาศแห้งจะเก็บเมล็ดไว้ได้นาน ภาชนะที่ใช้ในการเก็บบรรจุเมล็ดที่สามารถป้องกันความชื้นจากภายนอกได้จึงสำคัญมาก
3. อุณหภูมิกับการเก็บเมล็ดพันธุ์ สำหรับการเก็บรักษาพืชทั่วไปแล้วไม่ควรเก็บในที่ๆ มีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซนเซียส การเก็บที่อุณหภูมิต่ำ จะเก็บได้นานกว่าในที่อุณหภูมิสูง
4. ส่วนประกอบของเมล็ด เมล็ดพืชที่ประกอบด้วยแป้ง เช่น ข้าวโพด มะเขือ พริก ฯลฯ จะเก็บได้นานกว่าพวกที่ประกอบด้วยไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกถั่วต่างๆ
ภาชนะที่ใช้ในการบรรจุ
1.ถุงตาข่าย ถุงผ้า และถุงกระดาษ ทำให้การแลกเปลี่ยนอากาศระหว่างเมล็ดกับอากาศได้มาก ป้องกันความชื้นและการถ่ายเทอากาศได้น้อย การเก็บรักษาเมล็ดได้นานกว่า หากเป็นขวดแก้วที่มีสีชาจะเก็บไว้ได้นานกว่าขวดใส เก็บได้นานประมาณ 1 ปี หรือ ในตู้เย็น เก็บไว้ได้นาน 1 – 3 ปี
2.ถุงพลาสติก กระป๋อง ขวดแก้ว และภาชนะทึบที่มีฝาปิด สามารถป้องกันความชื้นและการถ่ายเทอากาศได้น้อย การเก็บรักษาเมล็ดได้นานกว่า หากเป็นโอ่งหรือไหดินที่แห้ง เก็บได้นานประมาณ 1 ปี หรือในตู้เย็น เก็บไว้ได้นาน 1 – 3 ปี